วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

4. สถาปัตยกรรม (Architecture)




     ในบรรดารูปแบบศิลปะที่มองเห็นที่มนุษย์สร้างขึ้นนั้นสถาปัตยกรรมมีรูปแบบใหญ่ที่สุด 
และเป็นแหล่งรวมของศิลปะที่มองเห็นเกือบทุกชนิด ตัวอย่างเช่น ในโบสถ์ ลักษณะส่วนประกอบของเสา 
ผนัง เพดานหน้าต่าง หลังคา พื้น ตลอดจนผังบริเวณและสวน สามารถที่จะสอดแทรกรูปแบบศิลปะ
ที่มองเห็นแขนงจิตรกรรมและประติมากรรมผสมผสานเข้ากันได้อย่างดี ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า 
สถาปัตยกรรมคือ สถานที่รวมศิลปกรรมเกือบทุกประเภท สถาปัตยกรรมมีความหมายต่างๆกัน 
อาจหมายถึงเทคโนโลยีของการก่อสร้าง หรือศาสตร์ของการก่อสร้างที่สนองความต้องการทางด้านร่างกาย
ของมนุษย์ และความต้องการด้านความเชื่อ ในที่นี้จะนิยามความหมายของสถาปัตยกรรมใหม่คือ
 การกำหนดผัง บริเวณว่างเพื่อประโยชน์ใช้สอย ซึ่งมีรูปแบบแสดงเอกลักษณ์ของสังคมนั้นๆ เมื่อกล่าวถึง
เอกลักษณ์ก็หมายถึงลักษณะเด่นของรูปแบบสถาปัตยกรรมนั้นๆ ซึ่งทำให้ผู้พบเห็นรู้ว่าเป็นของสังคมใด 
เช่น สถาปัตยกรรมที่เกี่ยวกับโบสถ์ วิหารของไทย มักจะแสดงเอกลักษณ์ที่หลังคาซ้อนและจะซ้อนกัน
ไม่มากนักกล่าวคือ ไม่เกิน ชั้น ซึ่งจะต่างกับของจีนที่แสดงการซ้ำซ้อนของหลังคาเกิน ชั้น

ความวิจิตรอลังการของสถาปัตยกรรมไทย พระอุโบสถ วัดพระบรมธาตุไชยา จังหวัดสุราษฎธานี
สถาปัตยกรรมไทยที่แสดงเอกลักษณ์หลังคาซ้อนกันไม่เกิน ชั้น


     เรื่องเอกลักษณ์นี้ในสมัยกรีกโบราณมีเอกลักษณ์ของบัวหัวเสา เช่น แบบดอริก (Doric) 
แบบไอโอนิก (Ionic) และแบบโครินเธียน (Corinthian) เป็นต้น สำหรับผังบริเวณก็มักจะใช้รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
เป็นแบบแผนสำคัญ โดยมีชื่อเรียกว่า Golden Mean Rectangle ซึ่งมีด้านกว้างประมาณสามส่วน
และด้านยาวประมาณห้าส่วน หรือเอกลักษณ์ของเจดีย์ในสมัยรัตนโกสินทร์ที่พบเห็นในวัด 
ก็มักจะอยู่ในทรวดทรงจอมแห นอกจากนี้เมื่อเราเห็นเจดีย์ทรงกลมหรือทรงระฆัง ก็อาจจะบอกได้ว่า
เป็นเอกลักษณ์ของรูปแบบสมัยอยุธยา เป็นต้น อย่างไรดี เรื่องสถาปัตยกรรมที่แสดงถึงเอกลักษณ์ของสังคม
นี้ปรากฎเด่นชัดมากในสถาปัตยกรรมทางศาสนา แต่ในสังคมปัจจุบันร่วมสมัยมาก กล่าวถึง 
คำนึงถึงประโยชน์ใช้สอย และมีรูปทรงเรียบง่าย หรือรูปทรงที่มีลักษณะทึบตันของสถาปัตยกรรม
ดังจะเห็นได้จากการก่อสร้างอาคารของธนาคารเกือบทุกแห่งในประเทศไทยซึ่งมีลักษณะรูปแบบที่ร่วมสมัย
มากเป็นต้น
หัวเสาแบบโครินเธียน หัวเสาสถาปัตยกรรมกรีกให้อิทธิพลต่อสถาปัตยกรรมในยุคต่อมา
แพร่หลายทั้งในยุโรป อเมริกาและเอเชีย


โครงสร้างของสถาปัตยกรรม
         เราทราบแล้วว่า สถาปัตยกรรมหมายถึงการกำหนดผังบริเวณว่างเพื่อประโยชน์ใช้สอย ดังนั้น 
ความสำคัญประการแรกก็คือโครงสร้างของสถาปัตยกรรมนั้นๆ โครงสร้างของสถาปัตยกรรมที่มี
ลักษณะเด่น คือ
1. โครงสร้างแบบวางพาด ถือได้ว่าเป็นโครงสร้างดั้งเดิม กล่าวคือ มีเสาและมีคานพาด ตอนบน 
ซึ่งจะเป็นฐานของหลังคาโครงสร้างแบบนี้จะใช้หินเป็นคานพาด ซึ่งหินที่เป็นคานพาดนั้นมีความยาวจำกัด 
ดังนั้นโครงสร้างแบบนี้จึงต้องมีเสามาก
2. โครงสร้างแบบยึดโยง ส่วนมากใช้กับคอนกรีต กล่าวคือ ใช้เหล็กเป็นโครงสำหรับหล่อ คอนกรีต 
มีคานและส่วนประกอบต่างๆที่ต้องยึดกันเพื่อให้คอนกรีตมีความแข็งแรงทนทาน
3. โครงสร้างแบบห้อยหรือแขวน เป็นโครงสร้างที่เหมาะสมสำหรับวัสดุบางชนิด 
เช่น การใช้ เหล็กสร้างสะพานบางแห่งในต่างประเทศ เป็นต้น โดยใช้เหล็กเป็นตัวเชื่อมโยงกับเสาของสะพาน
ในการออกแบบโครงสร้าง ผู้ออกแบบจะต้องคำนึงถึงวัสดุที่จะนำมาใช้ในการก่อสร้าง คุณสมบัติของวัสดุ 
ตลอดจนแรงต่างๆ ที่จะกระทำต่อโครงสร้างนั้นๆ เช่น แรงลม แรงสั่นสะเทือนเป็นต้น 
และผู้ออกแบบมักจะคำนวณอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพื่อความปลอดภัยของโครงสร้างนั้นๆ 
และการรับน้ำหนักของโครงสร้างนั้นๆ ด้วย
ประเภทของสถาปัตยกรรม
           ถ้าเราพิจารณาสถาปัตยกรรมที่มนุษย์สร้างขึ้นทั้งในปัจจุบันและอดีต เราอาจแบ่งได้ ประเภท คือ
1. ประเภทที่มนุษย์เข้าไปอยู่อาศัยไม่ได้ ได้แก่ เจดีย์ สถูป อนุสาวรีย์ สถาปัตยกรรมประเภทนี้ 
สร้างขึ้นเพื่อสนองความต้องการด้านความเชื่อของมนุษย์ และเป็นสถาปัตยกรรมทางศาสนาเป็นส่วนมาก
2. ประเภทที่มนุษย์เข้าไปอยู่อาศัยได้ ได้แก่ อาคาร บ้านเรือน อาคารสงเคราะห์ สถาปัตยกรรมเหล่านี้ 

นอกจากจะคำนึงถึงบริเวณว่างภายในที่เป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์แล้วยังต้องคำนึงถึงสภาพแวดล้อม
 เช่น การจัดสวน การจัดวางผัง การแบ่งบริเวณ รวมถึงการตัดถนนหนทางด้วย

     สำหรับในประเทศไทยอาจมีสถาปัตยกรรมบางประเภทที่เคลื่อนไหวได้ เพราะลอยอยู่ในน้ำ
 เช่น แพ เป็นต้น
สถาปัตยกรรมประเภทนี้มีบริเวณว่างภายในที่เป็นประโยชน์สำหรับมนุษย์ ซึ่งบางที เราอาจจะต้องทำ
ความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับความหมายของคำว่าสถาปัตยกรรมใหม่ เพราะเหตุว่าการออกแบบรถที่
มนุษย์สามารถเข้าไปอยู่อาศัยได้หรือการออกแบบสิ่งใหม่ๆ เช่น เครื่องบิน ยานอวกาศ สิ่งเหล่านี้จะถือว่า
เป็นสถาปัตยกรรมด้วยได้หรือไม่
      อย่างไรดี คำว่าสถาปัตยกรรมในหน่วยการเรียนรู้นี้จะจำกัดเฉพาะสิ่งก่อสร้างที่อยู่บนพื้นดินเท่านั้น 

สำหรับสิ่งก่อสร้างหรือการออกแบบที่เคลื่อนไหวได้ไม่อยู่ในขอบข่ายที่นำมาพิจารณา 
เพราะจะมีเนื้อหาลึกเกินขอบข่ายความนิยมชื่นชมทางศิลปะสำหรับสถาปัตยกรรมบนพื้นดิน
มีแนวทางในการนิยมชื่นชมที่สำคัญคือ
1. ความงามของรูปทรงภายนอกและบริเวณว่างที่เป็นประโยชน์ภายใน
2. ความงามของวัสดุที่นำมาผสมผสานกันโดยวัสดุเหล่านั้นยังคงแสดงคุณค่าของตัวมันเอง
3. ความงามของการตกแต่งหรือการแสดงออกที่เรียบง่าย
4. ความงามที่แสดงเอกลักษณ์ของสังคมนั้นๆ

  สถาปัตยกรรมที่มนุษย์เข้าไปอยู่อาศัยได้ นอกจากคำนึงถึงบริเวณภายในแล้ว ยังต้องคำนึงถึง

สภาพแวดล้อมเช่น การจัดสรร เป็นต้น








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น