วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

3. ประติมากรรม (Sculpture)


    เราทราบมาแล้วว่าสิ่งที่ล้อมรอบตัวเรามีรูปทรงต่างๆ กันและมีลักษณะเป็นสามมิติ ดังนั้นเมื่อใดที่มนุษย์
สนใจที่จะเลียนแบบรูปทรงสามมิตินั้นโดยใช้วัสดุที่เปลี่ยนแปลงรูปทรงได้เช่น ดินเหนียว ถ่ายทอดรูปทรงนั้นๆ
เราก็เรียกผลงานว่า ประติมากรรม และผู้ทำงานนี้ก็ถูกเรียกว่า ประติมากร 
      คำว่า ประติมากรรม หมายถึง รูปของสิ่งต่างๆ ที่มีลักษณะเป็นสามมิติ อาจเป็นรูปคน สัตว์ สิ่งของ 
แต่ถ้าเป็นรูปเคารพในศาสนา เช่น พระพุทธรูป พระเจ้า เป็นต้น เรียกว่า ปฏิมากรรม 
และผู้ทำก็ถูกเรียกว่า ปฏิมากร
     วิธีการทำประติมากรรม
ประติมากรรมมีวิธีการทำอยู่ ประการ คือ
1. การเพิ่มวัสดุลงในบริเวณหรือแกนที่สร้างขึ้น โดยให้ได้รูปทรงตามที่ต้องการ ซึ่งได้แก่ การปั้น
2. การสกัดเอาส่วนที่เห็นว่าไม่ต้องการออก จนเหลือเฉพาะรูปทรงที่เห็นว่าเหมาะสมเท่านั้น 

ซึ่งได้แก่ การแกะสลัก
3. การผสมผสานกันทั้งขบวนการที่ และที่ ได้แก่ การเพิ่มเข้าและการแกะสลักออก จนได้รูปทรงของ

ประติมากรรมตามที่ต้องการ
รูปทรงของประติมากรรม
ประติมากรรมมีรูปทรงเป็นลักษณะสามมิติ และในลักษณะสามมิตินั้นยังสามารถแบ่งออกได้ ประเภท
1. ประเภทลอยตัว (Round Relief)
           มีลักษณะตั้งได้ สามารถมองได้รอบด้าน ทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลังประติมากรรมประเภท

ลอยตัวนี้ บางทีก็สามารถตั้งได้ด้วยตัวของมันเอง บางชนิดก็ต้องมีฐานรองรับซึ่งผู้สร้างที่ใช้ฐานรองรับ
จะต้องคำนึงถึงความเหมาะสมกลมกลืนของฐานด้วย บางทีก็ใช้บริเวณฐานเป็นที่จารึกคุณงามความดี
ของรูปปั้นนั้น เช่น รูปปั้นคนเหมือน หรือรูปอนุสาวรีย์เป็นต้น




2. ประเภทนูนสูง (High Relief)
         
  มีลักษณะสูงขึ้นมาจากพื้น โดยที่มองเห็นได้ ด้าน ด้านหลังมองไม่เห็น สำหรับความสูงต่ำมัก

จะมีลักษณะใกล้เคียงรูปแบบจริง เช่น รูปปั้นประกอบบริเวณฐานของอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เป็นต้น



แสงหิรัญได้ถ่ายทอดความแกร่งกล้าของเด็กไทยและชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยในอดีต ภาพปั้นสิงห์ 
ประติมากรรมนูนสูง

3. ประเภทนูนต่ำ (Bas Relief)
           มีลักษณะคล้ายกับนูนสูง ผิดกันแต่ว่าความสูงต่ำ ได้ย่นย่อลงให้กลมกลืนกับพื้นหลัง 

เช่น รูปบนเหรียญต่างๆ เป็นต้น

รูปปั้น ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ผลงานประติมากรรมนูนต่ำ ของบุญพาต ฆังคะมะโน

   ประติมากรรมที่มีลักษณะสูงต่ำทั้ง ประเภท มีความสำคัญและการนำไปใช้เพื่อความเหมาะสมต่างๆ กัน 
ซึ่งพอประมวลได้ดังต่อไปนี้
1. เพื่อเป็นการจำลองคนที่เราเคารพนับถือให้มีรูปแบบหลงเหลือเพื่อเตือนให้ระลึกถึง หรือเพื่อเคารพบูชา
2. เพื่อเป็นการบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมให้เป็นรูปทรงปรากฎเป็นหลักฐานทางด้านประวัติศาสตร์
3. เพื่อเป็นการปลุกเร้าให้ผู้พบเห็นตระหนักในความสำคัญของการอยู่ร่วมกัน ความสามัคคี 

และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสังคม
4. เพื่อเป็นการแสดงเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของสังคมนั้นๆ
ความเป็นมาของประติมากรรม
      ในอดีตรูปแบบประติมากรรมบางทีก็นำไปใช้เป็นสื่อสั่งสอนกัน เช่น รูปประติมากรรม 
วีนัสแห่งวิลเลนดอร์ฟ ซึ่งจะสอนให้คนมองเห็นความสำคัญในอภินิหารแห่งความอุดมสมบูรณ์ 
ความเติบโตเป็นผู้ใหญ่ การขยายเผ่าพันธุ์หรือประติมากรรมที่เป็นรูปเคารพของพระเจ้า 
หรือพระพุทธรูปประติมากรรมเหล่านี้ผู้สร้างพยายามบรรจง ตกแต่งให้เกินสภาพความเป็นจริง
ของมนุษย์ด้วยเหตุว่าหากสร้างให้เหมือนมนุษย์แล้ว มนุษย์ด้วยกันจะไม่เคารพ 
แต่ในสมัยกรีกกลับมีความเชื่อว่าการถ่ายทอดรูปแบบประติมากรรม ให้เป็นเทพเจ้าที่เคารพนั้น
ควรจะเริ่มจากคนจริง และให้เหมือนจริงมากที่สุด เพราะรูปคนจริงๆ นั้นงดงามกว่ารูปเทพเจ้า
ที่คนไม่เคยเห็น ดังนั้นรูปประติมากรรมของกรีก จึงมีลักษณะของคนจริงมากที่สุด อันแสดงสัดส่วน 
ทรวดทรงกล้ามเนื้ออย่างงดงาม
      ประติมากรรมโลหะลอยตัว สตรีในชุดผ้านุ่งที่บางพลิ้ว แสดงเรื่องราวในเทพนิยาย รูปประติมากรรม
บางสมัยก็สะท้อนความคิดของศิลปินที่มีต่อระบบเศรษฐกิจ กล่าวคือ ในสมัยกอทิกระบบเศรษฐกิจทั้งหลาย
อยู่ในอำนาจของพระและขุนนางชั้นสูงซึ่งผู้อยู่ในตำแหน่งนี้ มักจะอยู่ดีกินดี อ้วนอุ้ยอ้าย ดังนั้น ประติมากร
จึงปั้นรูปเคารพมีลักษณะตรงกันข้าม คือ รูปเคารพที่มีลักษณะผอม เพราะมีความเชื่อว่าคนอ้วนมาก 
คือคนมีบาปมาก และเอาเปรียบผู้อื่นจนมีฐานะดี
           รูปลักษณะประติมากรรมแบบกรีก แสดงถึงความอ่อนช้อย สวยงามด้วยลีลาของเส้นและรูปทรง 

ในสมัยใหม่ เริ่มตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา ความคิดเกี่ยวกับประติมากรรม นอกจากจะเน้นรูปแบบ
ที่มนุษย์ด้วยกันมองเห็นแล้ว ยังเพิ่มลักษณะพื้นผิวของประติมากรรม รวมทั้งคำนึงถึงฐานของประติมากรรม
ในลักษณะที่เรียบง่าย บางตอนก็อาจปล่อยรูปทรงของวัสดุนั้นไว้เฉยๆ
           วิวัฒนาการของประติมากรรมที่น่าสนใจยิ่งในศิลปะสมัยใหม่ก็คือ การเปิดรูปทรงให้กลวง เพื่อให้เห็น

ความผสมผสานของรูปทรงภายนอกและรูปทรงภายใน ประติมากรที่ริเริ่มในสมัยนี้คือ 
ศิลปินชาวอังกฤษชื่อ เฮนรี่ มัวร์ มัวร์ได้เจาะรูปปั้นให้กลวงและลดรายละเอียด แสดงรูปแบบเรียบง่าย 
โดยรักษาคุณสมบัติของวัสดุไว้ให้มองเห็นอย่างชัดเจน และเรื่องวัสดุนั้น มัวร์ก็สืบทอดการใช้วัสดุจาก 
ไมเคิล แองเจลโล  กล่าวคือ ใช้หินจากภูเขาที่ไมเคิล แองเจลโล เคยนำมาสร้างผลงาน


พีเอต้ารูปแกะสลักหินอ่อน ฝีมือของไมเคิล แองเจลโล ประติมากรชาวอิตาลี เป็นงานประติมากรรมเหมือนจริง
ที่แสดงสัดส่วนกล้ามเนื้อและรอยยับย่นของเสื้อผ้าได้อย่างงดงามราวกับของจริง

ปริมาณของประติมากรรม
           ประติมากรรมนั้น หากผู้สร้างต้องการจะเพิ่มจำนวนปริมาณตามความต้องการของสังคม 
เขาก็มักจะใช้วิธีหล่อโดยสร้างรูปที่ต้องการนั้นให้เป็นแม่พิมพ์ หรือรูปแม่แบบเสียก่อนแล้ว
จึงทำพิมพ์จากรูปแม่แบบนั้นเพื่อหล่อต่อไป การหล่อมีวิธีทำพิมพ์ 2 วิธี คือ
1. การทำพิมพ์ทุบ พิมพ์ทุบเป็นแม่พิมพ์ชั่วคราว เมื่อสร้างขึ้นมาแล้ว สามารถใช้หล่อได้ เพียงรูปเดียวเท่านั้น 
เพราะเมื่อจะนำแม่พิมพ์ออก หลังจากทำการหล่อรูปแล้วนั้น ต้องทำการสกัดแม่พิมพ์ให้แตกออก 
เหลือเฉพาะส่วนที่เป็นรูปหล่อเท่านั้น แม่พิมพ์ทุบนี้ใช้สำหรับการหล่องานปั้นที่ทำด้วยวัสดุอ่อน 
เช่น ดินเหนียว ดินน้ำมัน ขี้ผึ้ง เท่านั้น 
2. การทำพิมพ์ชิ้น ใช้สำหรับการหล่องานปั้นที่มีลักษณะรูปนูนที่มีแง่มุมโค้งเว้ามาก หรือรูปที่ต้องการหล่อ
ออกมาเหมือนรูปต้นแบบหลายๆ รูป การทำพิมพ์ชิ้นไม่นิยมทำจากรูปต้นแบบที่เป็นดินเหนียว ดินน้ำมัน 
หรือขี้ผึ้ง แต่นิยมทำจากรูปต้นแบบที่มีเนื้อวัสดุแข็งดังนั้น ถ้าจะทำแม่พิมพ์ชิ้น ควรหล่อรูปจากแม่พิมพ์
ทุบเสียก่อน เมื่อได้รูปแบบเป็นวัสดุที่ต้องการแล้วจึงแบ่งพิมพ์เป็นชั้น การแบ่งพิมพ์ประติมากร
จะรู้ว่าส่วนไหนยื่นโปนออกมา ก็จะต้องแบ่งหลายชิ้น หากมีแง่มุมที่ถอดพิมพ์ยากก็จะแบ่งหลายๆ ชิ้น 
และควรถอดพิมพ์ตามลำดับก่อนหลัง มิฉะนั้นส่วนยื่นโปนออกมาจะชำรุดได้
           สรุปได้ว่า ประติมากรรมเป็นผลงานรูปทรงที่มนุษย์สร้างขึ้น มีลักษณะ มิติ โดย มีกระบวนการทำ 
ประการ คือ การเพิ่มการสลักออก และการผสมทั้งเพิ่มและสลัก รูปแบบของประติมากรรมที่เกิด
จากกระบวนการเหล่านี้มี 3 แบบเช่นกัน คือรูปแบบลอยตัว รูปแบบนูนสูง และรูปแบบนูนต่ำ 
รูปแบบทั้งหลายนี้ศิลปินจะเลือกทำตามความเหมาะสมและประโยชน์ใช้สอยที่ตนและสังคมต้องการ
      

ประติมากรรมกึ่งนามธรรมถ่ายทอดชีวิตพ่อแม่ลูก  ผลงานของเฮนรี่ มัวร์

งานประติมากรรมแบบนามธรรม ผลงานของ มอน มัดจิแมน
ประติมากรชาวอินโดนิเซีย ในงานแสดงประติมากรรมอาเซียน






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น